หากไม่สะดวกไปใช้สิทธิเลือกตั้งในวันที่ 11 มกราคม 2569 ก็สามารถแจ้งเหตุไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง 7 วันก่อนวันเลือกตั้ง หรือ 7 วันหลังวันเลือกตั้ง
ระยะเวลาแจ้งเหตุ
ก่อนเลือกตั้ง: ภายใน 7 วัน (4-10 ม.ค. 2569)
หลังเลือกตั้ง: ภายใน 7 วัน (12-18 ม.ค. 2569)
ทั้งนี้ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กำหนดเหตุที่ไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้งไว้ดังนี้
*มีกิจธุระจำเป็นเร่งด่วนที่ต้องเดินทางไปพื้นที่ห่างไกล
*เจ็บป่วยและไม่สามารถเดินทางไปใช้สิทธิเลือกตั้งได้
*เป็นคนพิการหรือทุพพลภาพ หรือผู้สูงอายุและไม่สามารถเดินทางไป ใช้สิทธิเลือกตั้งได้
*เดินทางออกนอกราชอาณาจักร
*มีถิ่นที่อยู่ห่างไกลจากที่เลือกตั้งเกินกว่า 100 กิโลเมตร
*ได้รับคำสั่งจากทางราชการให้ไปปฏิบัติหน้าที่นอกเขตเลือกตั้ง
*มีเหตุสุดวิสัยหรือเหตุอื่นที่ กกต. กำหนด
สำหรับช่องทางการแจ้งเหตุไม่ไปใช้สิทธิ มีทั้งหมดสองช่องทาง
ช่องทางแรก ช่องทางออนไลน์ได้ที่เว็บไซต์ หรือแอปพลิเคชันสมาทโฟน Smart Vote ซึ่งจัดทำโดย กกต. สามารถดูวิธีแจ้งเหตุไม่ไปใช้สิทธิได้ที่ https://www.ilaw.or.th/articles/50310
ช่องทางที่สอง ทำหนังสือแจ้งไปยังนายทะเบียนอำเภอที่ตนมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านพร้อมแนบสำเนาบัตรประชาชน โดยสามารถแจ้งได้ด้วยตนเอง ทำหนังสือมอบอำนาจให้ผู้อื่นไปแจ้งให้ หรือสามารถจัดส่งผ่านไปรษณีย์ก็ได้ ตามแบบฟอร์มแจ้งเหตุไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง (ส.ถ./ผ.ถ. 1/8)
การกรอกแบบฟอร์มนั้นต้องกรอกเพียงหน้าแรกเท่านั้น ให้เขียนชื่อ-นามสกุล ที่อยู่ตามทะเบียนบ้าน ที่อยู่ที่ติดต่อได้ และในช่อง “ขอแจ้งว่าข้าพเจ้ามีเหตุที่ไม่อาจไปใช้สิทธิเลือกตั้ง” ให้เขียนว่า “นายก/สมาชิกสภา อบต. ในวันที่ 11 มกราคม 2569” พร้อมทั้งให้เลือกเหตุที่ทำให้ไม่สามารถไปใช้สิทธิเลือกตั้งได้ จากนั้นในขั้นตอนการเขียนซองจดหมาย ให้จ่าหน้าซองถึง “นายทะเบียนอำเภอ …” และระบุที่อยู่ที่ว่าการอำเภอของตนเอง
หากผู้มีสิทธิเลือกตั้ง อบต. ไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้งโดยไม่แจ้งหรือไม่มีเหตุอันควร ก็จะต้องเสียสิทธิในการสมัคร ดำรงตำแหน่งทางการเมือง หรือการเข้าชื่อทางกฎหมายบางประการ พระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2562 กำหนดระยะเวลาการจำกัดสิทธิไว้ที่ครั้งละ 2 ปี โดยสิทธิที่ถูกตัดไปมีดังนี้
1.สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หรือสมาชิกสภาท้องถิ่นและผู้บริหารท้องถิ่น หรือสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา
2.สมัครรับเลือกเป็นกำนันและผู้ใหญ่บ้าน
3.เข้าชื่อร้องขอให้ถอดถอนสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น
4.ดำรงตำแหน่งข้าราชการการเมืองและ ข้าราชการรัฐสภาฝ่ายการเมือง
5.ดำรงตำแหน่งรองผู้บริหารท้องถิ่น เลขานุการผู้บริหารท้องถิ่น ผู้ช่วยเลขานุการผู้บริหาร ท้องถิ่น ประธานที่ปรึกษาผู้บริหารท้องถิ่น ที่ปรึกษาผู้บริหารท้องถิ่น หรือคณะที่ปรึกษาผู้บริหารท้องถิ่น
6.ดำรงตำแหน่งเลขานุการประธานสภาท้องถิ่น ผู้ช่วยเลขานุการประธานสภาท้องถิ่น และ เลขานุการรองประธานสภาท้องถิ่น